27 ข้อแตกต่างระหว่าง ArcGIS และ QGIS การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของซอฟท์แวร์ GIS ในประวัติศาสตร์ GIS ตอนที่ 1

ArcGISvsQGIS-678x322

ความแตกต่างระหว่าง QGIS และ ArcGIS

คุณอาจจะเติบโตมากับการใช้ ArcGIS หรือ QGIS และทุกวันคุณนั่งหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ คุณเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ArcGIS หรือซอฟต์แวร์ QGIS แบบเดิมเดิม (แม้อาจเป็นเวอร์ชั่นใหม่) เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณรู้ดีที่สุด แต่คุณเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ ว่าสามารถใช้งานซอฟต์แวร์แผนที่ GIS ให้มีประโยชน์ที่ต่างออกไปได้หรือไม่

เราจะแนะนำให้คุณรู้ความแตกต่างระหว่าง ArcGIS and QGIS เพราะจะทำให้คุณเป็นผู้ใช้งาน GIS อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราจะเปรียบเทียบลักษณะต่อลักษณะสำหรับดาวรุ่งในวงการอย่าง GIS – ArcGIS vs QGIS


1.QGIS รองรับการจัดการข้อมูลทุกประเภท

File-Formatsไม่ต้องมีคำถามใด ๆ QGIS คือที่สุดของการจัดการข้อมูล QGIS คือโปรแกรมอเนกประสงค์และทันสมัย

QGIS ใช้ฐานข้อมูล GDAL/OGR อ่านและเขียนข้อมูลรูปแบบ GIS โดยมีเวกเตอร์มากกว่า 70 รูปแบบในการรองรับนี้

Arc-Bonne-Projection-150x150

QGIS ถูกสร้างมาให้ใช้งานร่วมกับ PostGIS แต่ยังสามารถใช้งานร่วมกับรูปแบบ GIS อื่น ๆ ได้อีกมากมายเช่น ENC, shapefile, geodatabase, MapInfo formats, Microstation file formats, AutoCAD DXF, SpatiaLite, Oracle Spatial, MSSQL Spatial databases, WellKnownText (WKT)

แทนที่คุณจะเสียเวลามากมายในการโหลดไฟล์ NetCDF ซอฟต์แวร์ QGIS จะช่วยทำแทนคุณ แทนที่จะเสียเวลาพยายามเพิ่มตัวคั่น QGIS จะช่วยทำงานแทนคุณ 24 ชั่วโมงต่อวัน (เพราะการกำหนดตัวคั่นของ QGIS ดีกว่าของ Microsoft Office) QGIS จะจัดการทุกอย่างแทนคุณโดยไม่ต้องเสียเวลากับรูปแบบที่ซับซ้อนของ GIS

อ่านเพิ่มเติม: The Ultimate List of GIS Formats – Geospatial File Extensions


2. ความเรียบง่ายคือความสวยงามสำหรับประสบการณ์ของผู้ใช้

คุณไม่เคยรู้ว่าปุ่ม  ArcGIS ‘Add Data’ มีประสิทธิภาพแค่ไหน?

นี่คือปุ่ม ‘Add Data’

คุณอาจจะหัวเราะ แต่เราอยากให้คิดสักหน่อย ว่าปุ่มนี้เพียงปุ่มเดียวทำให้การเพิ่มข้อมูลเป็นสิ่งที่ง่ายเพราะสามารถที่จะรองรับ GIS ทุกรูปแบบ คุณอยากจะเพิ่มสเปรทชีท? หรืออยากจะเพิ่มแรสเตอร์? ทำได้ง่าย ๆ แค่กด ‘Add Data’ เพียงปุ่มเดียว สำหรับ QGIS ถ้าคุณอยากจะเพิ่มสเปรทชีท ให้กดปุ่ม ‘Add Vector’ เลือกรูปแบบข้อมูลจากลิสต์ดรอปดาวน์

การแยกปุ่มใน QGIS (เพิ่มเวกเตอร์, เพิ่มแรสเตอร์, PostGIS, เพิ่ม SpatialLite และอื่น ๆ) ก็พอรับได้ เพียงแต่เพิ่มความวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น

สิ่งที่น่าสนใจมากคือหน้าจอ Splash ใน Archmap ที่แสดงแผนที่ล่าสุดที่ใช้งาน นำข้อมูลเก่า MXDx กลับมาแสดงเพราะคุณจำเป็นต้องใช้งานข้อมูลที่ค้างไว้ให้เรียบร้อย ลักษณะเดียวกันนี้ใน QGIS สามารถทำได้โดยเลือก Project > Open Recent

ความเรียบง่ายคือความสวยงามสำหรับผู้ใช้ และ ArcGIS คืออัจฉริยะในด้านนี้


3. สำรวจข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ด้วย ArcCatalog และเบราว์เซอร์ QGIS

QGIS เบราว์เซอร์ และ ArcCatalog คือแอพพลิเคชั่นการจัดการข้อมูล GIS แบบเดี่ยว แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ช่วยในการจัดการแรสเตอร์ เวกเตอร์และข้อมูล GIS ซึ่งมีรีวิวการทำงานพื้นฐานแต่เน้นที่การเข้าถึงและจัดการข้อมูล

ค้นหาชุดข้อมูลที่หายไปโดยใช้ฟิลเตอร์หรือเครื่องมีค้นหา เปรียบเหมือน Google ส่วนตัวในการหาข้อมูล โดยการใช้ ArcCatalog ไม่เพียงแต่สามารถค้นข้อมูลได้ แต่ยังสามารถค้นแผนที่ แบบจำลองหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้

ArcCatalog

ส่วนหนึ่งของการจัดการข้อมูล  คือการสร้างสารลักษณ์ (metadata) ข้อมูลถูกสร้างขึ้นเมื่อไหร่ โดยใคร หรืออย่างไร คำตอบนั้นสามารถพบได้ในสารลักษณ์

เป็นเวลาหลายปี สารลักษณ์ได้รับการพัฒนาในหลากหลายรูปแบบ (ISO, FGDC, INSPIRE และ NAP)

ArcCatalog ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้โอกาสผู้ใช้ได้เลือกมาตรฐานสารลักษณ์ของตนเอง

ทั้งบราวเซอร์ QGIS และ ArcCatalog ช่วยในการจัดการไฟล์และข้อมูลทางภูมิศาสตร์ อีกทั้งตัวเลือกในการทำงานต่าง ๆ ทำให้ ArcCatalog ได้เปรียบมากกว่า

อ่านเพิ่มเติม: 10 Free GIS Data Sources: Best Global Raster and Vector Datasets

 

ที่มาบทความ : บทความโดยเว็บไซต์ GisGeography บันทึก : เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560
สืบค้นจาก : http://gisgeography.com/qgis-arcgis-differences/

Copyright © 2018 LEARN : อาณาจักรภูมิสารสนเทศ อาณาเขตแห่งการเรียนรู้

LEARN