27 ข้อแตกต่างระหว่าง ArcGIS และ QGIS การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของซอฟท์แวร์ GIS ในประวัติศาสตร์ GIS ตอนที่ 2

ArcGISvsQGIS-678x322-1

ผ่านไปแล้ว 3 ข้อแตกต่าง เรามาดูกันต่อข้อที่ 4 – 7 ในตอนที่ 2 นี้


4. การรวบรวมตารางข้อมูลใน ArcMap และ QGIS

เมื่อคุณรวมตารางเพื่อทำข้อมูลเชิงตำแหน่ง (spatial data)  คุณกำลังรวมข้อมูลแต่ละแถวในแผนที่การสร้างตารางรวมสามารถทำได้โดยง่ายใน ArcGIS ใน ArcMap ต้องคลิกขวาแล้วเลือก ‘join’ คุณสามารถรวมโดยเลือกที่ properties

และใน QGIS สามารถทำได้ง่ายเช่นเดียวกัน คุณสามารถรวมตารางโดยคุณสมบัติเลเยอร์ เมื่อสร้างตารางร่วมใน QGIS จะมีตัวเลือกให้เปลี่ยนคำนำหน้าของชื่อการรวมนั้น ๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่เป็นประโยชน์มากในการรวมตาราง


5.ArcGIS and QGIS ตอบรับความต้องการใช้ระบบพิกัด และการวางแผนได้อย่างตรงจุด

กลุ่มข้อมูลแรกที่เพิ่มไปใน ArcMap กำหนดระบบพิกัด เมื่อเพิ่มกลุ่มข้อมูลอื่นในระบบพิกัดแล้ว ArcGIS จะกำหนดข้อมูลขณะใช้งานซึ่งหมายถึงเลเยอร์จะจับคู่ข้อมูลชุดแรกและข้อมูลของระบบพิกัดที่กำหนดไว้

‘Spatial Reference ที่ไม่รู้จัก’ หมายถึงการขัดแย้งกันของข้อมูล ในกรณีนี้หน่วยที่ไม่รู้จักจะปรากฏขึ้นที่มุมล่างขวาของ ArcMap และคุณควรใช้การทำงานการเครื่องมือกำหนดแผนที่

QGIS รองรับถึง 2,700 ระบบพิกัดอ้างอิง (CRS) และให้กำหนดแผนที่โลกและ CRS แบบกว้างสำหรับเลเยอร์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องมีการกำหนด CRS ก่อน และยังให้เลือกกำหนด CRS และรองรับการกำหนดแผนที่ของเลเยอร์ของเวกเตอร์และแรสเตอร์ขณะใช้งาน

ทั้ง ArcGIS และ QGIS ทำ CRS ออกมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานง่าย อาจจะมีประเด็นเรื่อง PRJ ใน QGIS แต่นั่นก็คือเรื่องในอดีต

อ่านเพิ่มเติม: Map Projections: Flatten the Sphere


6. ArcGIS ออนไลน์รองรับข้อมูลของคุณด้วยข้อมูล GIS ในข้อมูล GIS ในโลกแห่งความจริง

QGIS ช่วยจับคู่ basemap กับ OpenLayers plugin แต่ไม่สามารถเทียบได้กับ ArcGIS ออนไลน์ เมื่อคุณเปิดฐานข้อมูลออนไลน์ของ ArcGIS คุณจะรู้สึกเหมือนเด็กน้อยในเทศกาลคริสมาสต์ ที่ค่อย ๆ แกะของขวัญเป็นล้าน ๆ ชิ้น เช่น ข้อมูลของรัฐบาล basemap อย่างละเอียดและข้อมูลจากผู้คนจำนวนมาก

ArcGIS License อนุญาตให้เข้าถึง ArcGIS ออนไลน์ – GIS data goldmine เพียงคำค้นหา ‘Environment’ แสดงผลลัพธ์ 2887 ชุดข้อมูล GIS: USDA Wildfires, NOAA Damaging Winds, World Climate Total Annual Precipitation, Ocean Bathymetry Basemap ซึ่งทำให้คนที่ศึกษาทางสิ่งแวดล้อมดีใจ

สรุปได้ว่า ArcGIS ออนไลน์ (AGOL) คือแหล่งข้อมูล GIS ที่ใหญ่มากซึ่งทำให้สามารถวิเคราะห์และทำให้มีความรู้และอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น เพียงแต่อยากให้จำไว้เสมอว่าอำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอ จงใช้มันอย่างฉลาด


7.ใบอนุญาตการดำเนินการทางภูมิศาสตร์ (Licensed to geoprocess)

ArcGIS คือวายร้ายที่บังคับให้คุณต้องติดอยู่กับการให้อนุญาตในขณะที่ QGIS คือฮีโร่ที่เปิดให้คุณใช้งานได้โดยอิสระ ArcGIS มีการทำงานที่ดีมาก เชื่อถือได้และครอบคลุมการทำงานอย่างกว้างขวาง

แต่ระดับของการให้อนุญาตที่ซื้อจะเป็นตัวบังคับว่าคุณสามารถใช้เครื่องมือใดได้บ้างใน ArcGIS เพียงการให้อนุญาตแบบธรรมดาก็จะอนุญาตให้คุณเข้าถึงการใช้เครื่องมือทรงพลัง แต่การให้อนุญาตที่แพงกว่านั้นก็จะทำให้คุณได้ทุกสิ่ง

ส่วนนี้คือสิ่งสำคัญในขณะนี้ QGIS ไม่มีขั้นของการให้อนุญาต ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แหล่งข้อมูลเปิดที่ไม่ได้กำหนดว่าเครื่องมือไหนใช้ได้หรือไม่ได้

หากคุณต้องการที่จะใช้งานตัวลบใน ArcGIS 10 คุณจำเป็นต้องซื้อการให้อนุญาตขั้นสูง ถ้าหากว่าคุณไม่มี คุณก็จะไม่สามารถใช้งานได้ (สามารถใช้ตัวอย่าง ET GeoWizards ฟรีได้)

เครื่องมือสำหรับลบมีรองรับการใช้งานอยู่ใน QGIS ในกลุ่มเครื่องมือ Vector Analysis (เป็นเครื่องคนละแบบ) เช่นเดียวกับ symmetrical difference tool ซึ่งไม่มีในการให้อนุญาตแบบธรรมดาของ ArcGIS อีกทั้งยังมีเครื่องมือที่รวมมาจาก GRASS และ SAGA GIS ซึ่งทำให้คุณสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกี่ยวกับข้อมูลเชิงพื้นที่

QGIS ทำงานบน geoprocessing framework ซึ่งน่าประทับใจเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดคุณก็ได้รับอนุญาตเข้าสู่การดำเนินการทางภูมิศาสตร์ใน ArcGIS ซึ่งทำให้ QGIS ชนะในเรื่องนี้ได้อย่างขาดลอย

 

อ่านเพิ่มเติม: 13 Free GIS Software Options: Map the World in Open Source

 

ที่มาบทความ : บทความโดยเว็บไซต์ GisGeography บันทึก : เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560
สืบค้นจาก : http://gisgeography.com/qgis-arcgis-differences/

Copyright © 2018 LEARN : อาณาจักรภูมิสารสนเทศ อาณาเขตแห่งการเรียนรู้

LEARN