เรามาดูกันต่อข้อที่ 8-10 ในตอนที่ 3 นี้
8. การใช้งาน plugin
คุณกำลังคิดว่าเรากำลังพูดถึง QGIS อยู่ใช่หรือไม่?
เราทุกคนรู้ว่าคุณสามารถปรับการวิเคราะห์ด้วยปลั๊กอินซึ่ง QGIS มีปลั๊กอินจำนวนมากกว่า 300 ตัวในการช่วยแก้ปัญหาทุกวัน
แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่า ArcGIS มีปลั๊กอินเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถให้คำตอบได้กับทุกปัญหาของ GIS
การรวบรวมฟรีด้วย R stats (สิ่งแวดล้อมการสร้างแบบจำลองเชิงพื้นที่) ตัวเลือกเพิ่มเติมของ Marine Tool, NetCDF ,ET GeoWizards, ArcGIS Patch Analyst ด้วยเวอร์ชั่นล่าสุดใน app store ของ Esri — ArcGIS Marketplace จึงมีปลั๊กอินใหม่ ๆ ออกมาให้ใช้อย่างมากมาย
ในตลาดมีโปรแกรมให้คุณเลือกทั้งแบบเสียเงินและให้ใช้ฟรีที่จะช่วยแก้ปัญหา spatial ให้คุณ โปรแกรม Esri ช่วยคุณได้ทุกเรื่องไปจนถึงการจัดสวน คุณต้องเข้าใจความสามารถในการเติบโตและเอกลักษณ์ของ Esri เพื่อให้มันช่วยแก้ปัญหา geopspatial ของคุณ
9.กระบวนการประมวลผลแรสเตอร์ทั้งใน QGIS และ ArcGIS
ชุดการวิเคราะห์ข้อมูลทางพื้นที่คือที่สุดของการจัดการข้อมูลแรสเตอร์
แม้ว่าจะเป็นการคำนวณธรรมดา (แผนที่พิชคณิต หรือ ชุดเครื่องมือที่ติดเงื่อนไข) สถิติ (คำนวณหลายตัวแปร, พื้นที่ใกล้เคียง หรือชุดเครื่องมือแบ่งเขตข้อมูล) หรือ สร้างค่าพื้นผิว (การแก้ไขพื้นผิว , ความหนาแน่น หรือ การซ้อนทับของพื้นผิว) ArcGIS ที่มีเครื่องมือพื้นฐานด้วยแรสเตอร์นั่นเชื่อถือได้ เครื่องมือวิเคราะห์เชิงพื้นที่ยังรองรับเครื่องมือพิเศษสำหรับน้ำใต้บาดาล อุทกวิทยา ต้นทุนพื้นผิว และรังสีดวงอาทิตย์ และยังมีตัวเลือกอื่น ๆ คือให้ฟิลเตอร์ (จัดกลุ่มใหม่ หรือ เครื่องมือกรองข้อมูล) หรือเครื่องมือที่ทำข้อมูลให้ง่าย
เครื่องมือคำนวณแรสเตอร์ใน QGIS คำนวณแผนที่เชิงพีชคณิตโดยใช้การทำงานการคำนวณและตรีโกณมิติได้น้อยกว่า QGIS มีวิธีการที่หลากหลายในการปรับปรุง Kriging แบบธรรมดาและอเนกประสงค์เป็นเครื่องมือที่แยกออกมาใน QGIS แต่ใน ArcGIS มันเป็นปุ่มวิทยุที่อยู่ภายใต้เครื่องมือ Kriging เครื่องมือ GRASS r.cost นั้นสำหรับพื้นผิวต้นทุน QGIS นั้นชนะในเรื่องของตัวเลือกการกรองเพิ่มเติม ยังมีเครื่องมือในการให้น้ำใต้ดินและรังสีดวงอาทิตย์ใน QGIS แต่ไม่เหมือนกับ ArcGIS
เราสามารถอธิบายได้ไม่รู้จบ แต่กลัวคุณจะเบื่อเสียก่อน การชี้ผู้ชนะในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยากมาก ทั้งสองค่ายสามารถทำได้ดีเท่า ๆ กัน
10.กล่องเครื่องมือคำนวนสถิติทางภูมิศาสตร์ ArcGIS นั้นเป็นผู้ชนะ เนื่องจากเป็นเครื่องมือสอนสถิติ
คุณเคยลองประกอบเฟอร์นิเจอร์โดยไม่ดูคู่มือหรือไม่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยใช่หรือไม่?
เมื่อคุณเริ่มใช้เครื่องมือใน ArcGIS คุณจะมีคำอธิบายต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างชัดเจนแบบที่เด็ก ๆ ยังสามารถเข้าใจได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณใช้ Moran’s I รายงานจะแสดงผลพร้อมคำอธิบาย คุณจะรู้ได้ทันทีว่าข้อมูลของคุณเชื่อมโยงหรือไม่
สำหรับ GQIS คุณจำเป็นต้องมีความเข้าใจเครื่องมือต่าง ๆ ก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่มากเท่าไหร่ เพียงแต่มันจะไม่ง่ายแบบ ArcGIS 10 เท่านั้น
เครื่องมือสำรวจใน ArcGIS ได้รับการออกแบบมาอย่างดี ผลจากการประมวลทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงสถิติกับฐานข้อมูลซึ่งทำให้ประหยัดเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล
Group Stats Plugin ใน QGIS ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีต เป็นตาราง pivot ที่ปรับเปลี่ยนได้มาพร้อมกับ QGIS คอลัมน์เป็นตัวกำหนดประเภทสถิติ (ค่าเฉลี่ย, จำนวนที่ต่ำที่สุด, ค่าความแปรปรวน, เป็นต้น) ข้อมูลในแถวเป็นประเภทข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชื่อสถานที่หรือ สันปันน้ำ ใส่ข้อมูลและกดคำนวณ คุณจะได้ตาราง pivot อย่างสวยงาม ทำให้ ArcGIS เป็นผู้ชนะที่สามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้
เรียนรู้เพิ่มเติมถึงวิธีการเพิ่มสภาพแวดล้อมแบบจำลองทางภูมิศาสตร์ เพื่อนำค่าสถิติ R ไปใช้ใน ArcGIS
ที่มาบทความ : บทความโดยเว็บไซต์ GisGeography บันทึก : เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560
สืบค้นจาก : http://gisgeography.com/qgis-arcgis-differences/