27 ข้อแตกต่างระหว่าง ArcGIS และ QGIS การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของซอฟท์แวร์ GIS ในประวัติศาสตร์ GIS ตอนที่ 4

ArcGISvsQGIS-678x322-3

เรามาดูกันต่อข้อที่ 11-13 ในตอนที่ 4 นี้


11.คุณสามารถเห็นภาพ x-ray โดยใช้เครื่องมือตรวจจับทางไกลของ QGIS

ในความเงียบของสภาวะสุญญากาศในอวกาศ ดาวเทียมกำลังทำหน้าที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ จากโลก ดาวเทียมอย่าง Sentinel 2a และ Landsat-8 กำลังเก็บข้อมูลที่น่าตื่นเต้นให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้นกับนักวิเคราะห์ GIS ทั้ง QGIS และ ArcGIS มีเครื่องมือตรวจจับทางไกลที่นับไม่ถ้วน บ้างก็เป็นอุปกรณ์ใช้มือเช่น สิ่ว บ้างก็เป็นอุปกรณ์ใช้ไฟฟ้าเช่น สว่านไฟฟ้า

QGIS semi-automatic classification plugin ช่วยให้คุณดาวน์โหลด ภาพ Landsat และแยกประเภทกึ่งอัตโนมัติ กล่องเครื่องมือ Orfeo มีอุปกรณ์ให้ใช้งานมากมายสำหรับกรองและจัดการแรสเตอร์ข้อมูล สามารถเพิ่มเครื่องมือ LAS เพื่อรองรับ LiDAR การติดตั้งอาจจะยากเล็กน้อยแต่เครื่องมือ LAS เหมาะที่สุดสำหรับการใช้งาน LiDAR

ในขณะที่ ArcGIS 10.1 เพิ่มแถบเครื่องมือวิเคราะห์ภาพ ก็ได้เพิ่มเครื่องมือวิเคราะห์การตรวจจับทางไกลและอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่น ๆเช่นเดียวกัน เพื่อช่วยในการสร้างตัวอย่างและแสดงผลทั้งการแยกประเภทที่ตรวจสอบและไม่ได้ตรวจสอบ Pansharpen, แสดง NDVI, ดัดแก้ ออร์โธและเปลี่ยนความสว่าง สีตรงข้าม และความโปร่งใส ชุดข้อมูล LAS คือวิธีประหลาดที่ทำงานกับ LiDAR อย่างไรก็ตามมันก็ช่วยให้ทำงานเสร็จ

QGIS ไม่ได้ดีกว่ามากแต่ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับการตรวจจับทางไกล

Image-Analysis-Toolbar-2

อ่านเพิ่มเติม: What is Remote Sensing? A Guide to Earth Observation


12. วางแผนการเดินทางไปตกปลาครั้งต่อไปด้วยการวิเคราะห์เครือข่ายเส้นทาง ArcGIS

ทุกคนต้องการตัววิเคราะห์เส้นทางในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นร้านเบียร์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน หรือทางไหนจะไปร้านเบียร์ที่ใกล้ที่สุด นี่คือเส้นทางไปแกรนแคนยอนจาก Las Vegas

LasVegas-GrandCanyon-3

ใน ArcGIS เพียงแค่เปิดสวิตช์การวิเคราะห์เครือข่ายเส้นทาง เพิ่มกลุ่มข้อมูลเข้าไปซึ่งอาจจะยุ่งยากเล็กน้อยแต่หลังจากนี้คุณก็พร้อมออกเดินทางแล้ว

ในการใช้ “Road Graph” plugin , QGIS จะคำนวณเส้นทางที่สั้นที่สุด แต่ QGIS จะไม่มีเครื่องมือบางอย่างที่ ArcGIS มี เช่น การแบ่งสัดส่วนสถานที่ , New OD Cost Matrix เป็นต้น แต่กระนั้นความหลากหลายทำให้ ArcGIS เป็นระบบเครือข่ายที่ดีกว่า


13. กำหนดขั้นตอนการประมวลผลโดยใช้เครื่องมือสร้างแบบจำลอง ArcGIS

คุณเคยอยากให้ขั้นตอนการประมวลผลของคุณทำงานโดยอัตโนมัติหรือไม่?

เมื่อคุณเปลี่ยนงานซ้ำซากให้กลายเป็นแบบจำลองที่มีหลักการ คุณจะสามารถนั่งอยู่ที่บ้านในชุดนอนทั้งวันโดยที่งานคุณเสร็จ และเครื่องมือสร้างแบบจำลอง AcrGIS มีการใช้งานที่ง่ายที่สุด สามารถทำงานในการดำเนินการทางภูมิศาสตร์ได้จริง

Model-Builder-2

ถ้าคุณดึงเอาชุดเครื่องมือในโปรแกรมสร้างโมเดลมาประมวลผลโดยอัตโนมัติ จะมี iterators เพื่อทำห่วง ‘for’ และ “while” โดยใส่เครื่องมือของคุณในแผนผังและเชื่อมทุกอย่างด้วยกัน เป็นสิ่งที่ง่ายมาก อีกหนึ่งขั้นตอนคือ ส่งโมเดลของคุณและแบ่งให้คนอื่น ๆ หรือส่งข้อมูลออกเป็น python script และปรับแต่งภายหลัง

การสคริปต์ใน ArcGIS เป็นการจัดการข้อมูลผ่านโมดูล Arcpy การใส่รหัส Arcpy ง่ายมากเพราะเครื่องมือเกือบทุกอันใน ArcGIS มีเครื่องมือสคริปต์ชื่อเดียวกันสร้างไว้อยู่แล้ว (ซึ่งคุณสามารถคัดลอกแล้ววางจากเว็บไซต์ของ Esri) ซึ่งทุกอย่างนั้นเป็นอัติโนมัติ

QGIS มีฟังก์ชั่นเหมือนกับเครื่องมือสร้างแบบจำลอง ArcGIS เรียกว่า Graphical Modeler คุณสามารถใช้ Graphical Modeler ในการสร้างชุดเครื่องมือภาพ

QGIS-Graphical-Modeler

QGIS มักจะค้างเวลาใช้ modeler มันไม่ค่อยเสถียร อยากแนะนำให้บันทึกข้อมูลบ่อย ๆ สำหรับ QGIS คุณมี PyQGIS จะไม่มีโมดูล QGIS และคุณต้องใช้ GDAL บ่อย ๆ แล้วคุณก็ต้องใช้โมดูลอื่น ๆ สำหรับงานอื่นซึ่งยากมากที่จะเลือกว่าควรใช้อันไหนและแต่ละอันอยู่ที่ไหน นอกจากมี bugs บ้างบางทีแล้ว คุณจะได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการในท้ายที่สุด

เรารักเครื่องมือสร้างแบบจำลอง เรารัก ArcPy ซึ่งเป็นตัวเอกของ ArcGIS

อ่านเพิ่มเติม: Free GIS Programming Tutorials: Learn How to Code

 

ที่มาบทความ : บทความโดยเว็บไซต์ GisGeography บันทึก : เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560
สืบค้นจาก : http://gisgeography.com/qgis-arcgis-differences/

Copyright © 2018 LEARN : อาณาจักรภูมิสารสนเทศ อาณาเขตแห่งการเรียนรู้

LEARN

404 Not Found

404

Not Found

The resource requested could not be found on this server!


Proudly powered by LiteSpeed Web Server

Please be advised that LiteSpeed Technologies Inc. is not a web hosting company and, as such, has no control over content found on this site.