ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560
สถานที่ที่ต้องห้ามมากที่สุดบางสถานที่บนโลกนั้นเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับทางเลือกของนักวิจัยหลายคนเพื่อการศึกษาดาวเคราะห์อื่น ๆ และดวงจันทร์ ที่ซึ่งเป็นที่ที่คล้ายคลึงดาวเคราะห์พื้นที่ในโลกเหล่านี้สนับสนุนให้นักวิทยาศาสตร์ได้ทดสอบอุปกรณ์ของพวกเขาและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เป้าหมายคือจะได้ทราบว่าทุกอย่างทำงานอย่างไรเพื่อนักบินอวกาศทั้งหลายจะได้เตรียมตัวให้พร้อมไว้เมื่อพวกเขาจะต้องออกเดินทางสำรวจโลกใหม่ด้วยเครื่องมือเหล่านั้น
พื้นที่ภูเขาไฟ Potrillo นั้นเป็นสนามดังกล่าวสำหรับการทดสอบทางธรณีวิทยา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Las Cruces ในรัฐนิวเม็กซิโก และทางตะวันออกของ El Paso ในรัฐเท็กซัส Potrillo มีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางกิโลเมตร (400 ตารางไมล์) ใกล้กับชายแดนระหว่างสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโก ดินแดนที่แห้งแล้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของทะเลทราย Chihuahuan ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของเม็กซิโกไปจนถึง Albuquerque.
ณ ตอนนี้ ภูเขาไฟ Potrillo ยังสงบอยู่ ตั้งแต่การระเบิดเมื่อ 20,000 ปีก่อน บริเวณที่เป็นคราบสีดำเนื้อจากหินลาวาที่ปะทุออกมาจากปล่องภูเขาไฟ และพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายกรวยที่เกิดจากแรงระเบิดและการไหลของลาวา ความหลากหลายเกี่ยวกับภูเขาไฟทำให้ Potrillo สามารถดึงดูดนักธรณีวิทยาได้เป็นอย่างดี
ในช่วงฤดูร้อนของปีพ.ศ. 2560 นักวิจัยได้เดินทางไปยัง Potrillo เพื่อการทัศนศึกษาภาคสนามที่เป็นส่วนนึงของโครงการ The Remote, In Situ, and Synchrotron Studies for Science and Exploration (RIS4E) พวกเขาประเมินชนิดของอุปกรณ์เครื่องมือที่สามารถใช้โดยนักบินอวกาศในอนาคตเพื่อศึกษาลักษณะของภูเขาไฟบนพื้นผิวของดวงจันทร์และดาวอังคาร หรือหินอื่น ๆภาพที่ปรากฎในบทความนี้แสดงให้เห็นถึงภูเขาไฟ Potrillo จากการสำรวจเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนพ.ศ. 2560 โดยเครื่อง Operational Land Imager บนดาวเทียม Landsat 8
ทีมงาน Potrillo ได้คัดเลือกพื้นที่ที่แตกต่างกันมา 2 แห่งคือ Kilbourne Hole และ Aden Crater ด้าน Kilbourne นั้น ได้รับเลือกสำหรับจุดประสงค์คล้าย ๆ เดิมมามากกว่า 4 ศตวรรษแล้วระหว่างช่วงโปรแกรม Apollo มันเป็นหนึ่งในหลากหลายพื้นที่ ที่ซึ่งนักบินอวกาศได้ฝึกฝนการระบุชี้และการเก็บตัวอย่างธรณีวิทยานำกลับจากดวงจันทร์
ภาพถ่ายเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560
Hilbourne Hole คือปล่องภูเขาไฟ maar และเป็นจุดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของภูเขาไฟ Potrillo มันถูกสร้างขึ้นราว ๆ 24,000 ปีก่อนโดยปฏิกิริยาการระเบิดของหินหนืดร้อนที่ไหลอยู่ใต้ดิน (Hot Magma) และชั้นหินอุ้มน้ำ (Aquifer) หินหนืดลอยขึ้นมาจากพื้นผิวโลกทำให้น้ำใต้ดินร้อนขึ้น ส่งผลให้เกิดไอน้ำ เมื่อแรงดันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการระเบิดออกจากหลุมต่าง ๆ ไกลออกมาประมาณ 1.7 ไมล์ และลึกลงไปอีกหลายร้อยฟุต การระเบิดนี้ทำให้วัตถุต่าง ๆ กระจัดกระจายไปไกล และชั้นหินที่ถูกระเบิดจะเป็นประวัติศาสตร์ของ Kilbourne
ท่ามกลางนักธรณีวิทยา Kilbourne เป็นที่รู้จักกันสำหรับหิน Xenolith หินที่เป็นแร่เนื้อโลกหรือชั้นแมนเทิล Xenolith หลากหลายชนิดพบได้ในและรอบ ๆ Kilbourne โดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่ประกอบหิน olivine แร่สีเขียวของอัญมณี peridot ที่ยังหลงเหลืออยู่ การคงอยู่ของ olivine สามารถบ่งชี้แร่จากชั้นแมนเทิลและหินแร่ประกอบ olivine เป็นหนึ่งในกลุ่มหินที่ถูกนำกลับมาจากดวงจันทร์ภายใต้ภารกิจ Apollo
[เพิ่มเติม: โอลิวีน (Olivine) มีองค์ประกอบหลักเป็นแมกนีเซียมและเหล็กซิลิเกต มีอยู่น้อยมากบนเปลือกโลก กำเนิดจากแมนเทิลใต้เปลือกโลก]
ภาพถ่ายเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560
Aden Crater เป็นหนึ่งในเกาะกำบังของภูเขาไฟ Potrillo เกิดจากการปะทุเมื่อประมาณ 16,000 ปีก่อน ลาวารั่วซึมออกในระยะเวลาที่นานและไหลออกมาซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ เกิดเป็นกรวยลาดเอียง ปล่องภูเขาไฟนี้กลายเป็นที่รู้จักในปลายทศวรรษที่ 1920 หลังจากที่ได้กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์อย่างช้า ๆ เมื่อล่วงเลยมาประมาณ 11,000 ปี มันได้ถูกค้นพบในท่อลาวาตามแนวปากปล่อง
หลุมและท่อลาวาเป็นเหตุผลที่ทีม RIS4E เลือกที่จะทำงานที่ Aden ท่อลาวาเหล่านั้นบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ สามารถสงวนหินที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์และเงื่อนไขสภาพแวดล้อม และอาจเป็นตัวอย่างดึกดำบรรพ์ที่เหมาะสำหรับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ท่อลาวายังสามารถใช้เพื่อปกป้องนักบินอวกาศในอนาคต อาหารของพวกเขา และฮาร์ดแวร์จากการแผ่รังสีและสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ภารกิจ RIS4E ถูกออกแบบมาเพื่อระบุวิธีการตรวจสอบว่าหลุมใดใต้พื้นดินเป็นเพียงหลุมพลางที่ซึ่งอาจนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยกว่า และสามารถสำรวจได้อย่างปลอดภัย
ลักษณะธรณีวิทยาที่หลากหลายในพื้นที่ภูเขาไฟ Potrillo ยังให้โอกาสในการศึกษาหัวข้อวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับดาวเคราะห์และการสำรวจ ภูเขาไฟอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจาก Potrillo นั้น จะตั้งอยู่เขตชานเมืองแถบรอยแยกเมือง Rio Grande แม้ว่าแม่น้ำสายที่มีชื่อเสียงโด่งดังจะไหลไปในทิศทางนั้น หุบเขา 29 ล้านปีนี้ไม่ได้ถูกกัดเซาะโดยน้ำ แทนที่ว่ารอยแตกที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบจากเปลือกโลกที่ขยายตัวออกไปด้านตะวันออก–ตะวันตก และอ่อนตัวลงโดยหินร้อนที่ปะทุออกมาจากใต้พื้นผิวโลก
ที่มาบทความ : บทความโดย Elizabeth Zubritsky บันทึก : เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560
สืบค้นจาก : https://earthobservatory.nasa.gov/IOTD/view.php?id=90986&eocn=home&eoci=iotd_grid